น้อง ๆ ที่สนใจจะเรียนต่อในหลักสูตรปริญญาตรีด้านวิศวกรรมศาสตร์ในสหราชอาณาจักร อาจจะเคยเห็นชื่อหลักสูตรปริญญาอย่าง MEng หรือ BEng มาบ้าง และหลาย ๆ คนอาจจะยังสงสัยว่าวุฒิทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ทั้งสองวุฒินี้ เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจเพื่อให้น้อง ๆ สามารถตัดสินใจได้ถูกว่าควรจะเลือกเรียนหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์แบบไหนดี หรือหลักสูตรไหนที่จะตรงกับใจของเรามากที่สุดไปดูกันเลย!

ก่อนอื่น มารู้จักชื่อเต็ม ๆ ของทั้งสองหลักสูตรกันก่อนดีกว่า BEng นั้นย่อมาจาก Bachelor of Engineering หรือวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต ส่วน MEng ย่อมาจาก Master of Engineering หรือวิศวกรรมศาสตร์มหาบัณฑิตนั่นเอง
แต่ทั้ง MEng และ BEng นั้นถือเป็นหลักสูตรในระดับปริญญาตรีทั้งคู่ และรับผู้สมัครที่มีคุณสมบัติ หรือ entry requirements เหมือน ๆ กันแต่จะมีข้อแตกต่างคือ BEng ใช้ระยะเวลาในการเรียน 3 ปี ส่วน MEng นั้นจะเป็น Integrated Masters หรือหลักสูตรปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมศาสตร์ ที่บูรณาการคุณวุฒิปริญญาโทเข้ามาด้วย (เรียนควบ) และเมื่อจบการศึกษาจะได้ทั้งวุฒิปริญญาตรี และปริญญาโท Master of Engineering โดยใช้เวลาเรียนประมาณ 4 ปี MEng ถือเป็นหลักสูตร Undergraduate ที่มีคุณวุฒิสูงที่สุดในสหราชอาณาจักร
ข้อดีของหลักสูตร BEng
- ค่าใช้จ่ายถูกกว่า เวลาเรียนน้อยกว่า (3 ปี)
- เหมาะสำหรับนักศึกษาที่ตั้งใจไว้แล้วว่าต้องการวุฒิ Bachelor of Engineering เท่านั้น เพื่อไปทำงานหรือสมัครเรียนปริญญาโท (MSc) เฉพาะด้านในอนาคต หรือกระทั่งต้องการเปลี่ยนสายในการเรียนไปเลย เช่น เรียนต่อปริญญาโทด้านการบริหารและการจัดการ การบัญชี เป็นต้น ส่วนคำถามที่ว่า ปริญญาโทแบบ MSc นั้นต่างจาก MEng อย่างไร ตอบสั้น ๆ ง่าย ๆ ได้ว่า MEng เป็นปริญญาตรีแบบ Coursework Based เรียนเป็นวิชา ๆ ไป ส่วน MSc หรือ Master of Science ส่วนใหญ่จะเรียนยากกว่าเพราะเป็น Thesis Based นั่นเอง
- หลักสูตร BEng ถือว่าเพียงพอแล้วต่อการประกอบอาชีพวิศวกรในบางประเทศ เช่น ในประเทศไทย เป็นต้น
ข้อดีของหลักสูตร MEng
- ได้ Chartered Engineer (CEng) ของ UK ทันที – ในส่วนของหลักสูตรทางด้านวิศวกรรมศาสตร์นั้น นักศึกษาที่เลือกเรียนหลักสูตร MEng จะได้รับคุณวุฒิ Chartered Engineer (CEng) จากสภาวิศวกรแห่งชาติโดยทันที ถือเป็นทางเลือกและทางลัดที่ดีที่สุด ในขณะที่คนที่เรียน BEng ยังต้องเข้าอบรม Incorporated Engineer (IEng) เพิ่มเติม + หาประสบการณ์การทำงาน (ประมาณ 4-5 ปี หลังเรียนจบเป็นอย่างน้อย) เพื่อให้เข้าคุณสมบัติ
- ได้ศึกษาอย่างลึกซึ้งและกว้างขึ้นกว่าเดิม – โดยนักศึกษาจะได้มีส่วนร่วมในโปรเจ็คท์ต่าง ๆ มากขึ้น ทั้งโปรเจ็คท์ส่วนตัวและแบบทีม ซึ่งโดยทั่วไปก็มักจะมีความเกี่ยวข้องกับการทำงานจริง ๆ หรือร่วมงานกับบริษัทและองค์กรวิศวกรรมต่าง ๆ
- โอกาสในการจ้างงานที่สูงขึ้น – ด้วยทักษะที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งในส่วนของการทำงานเป็นทีม การตัดสินใจ ทักษะการสื่อสาร การมอบหมายงาน การระบุปัญหาและการแก้ไข นอกจากนี้เรื่องของค่าตอบแทนก็มักจะสูงกว่าบัณฑิตที่จบหลักสูตร BEng ด้วย
- ทางเลือกในการจบการศึกษา – ในกรณีที่เรียน MEng ไปแล้วเกิดเปลี่ยนใจอยากได้แค่วุฒิ BEng เพื่อออกไปทำงาน หรือเรียนต่อ MSc (ปริญญาโท) เฉพาะด้าน บางหลักสูตรของบางมหาวิทยาลัย เปิดโอกาสให้นักศึกษาเลือกได้ว่าจะจบที่ชั้นปีที่ 3 เพื่อรับวุฒิ BEng หรือจะเรียนต่อให้ครบ 4 ปี เพื่อรับวุฒิ Meng ก็ได้ แต่ผู้เรียนต้องตัดสินใจก่อนจบภาคเรียนการศึกษาปีที่ 3
จากข้อมูลคร่าว ๆ ข้างต้น คงพอจะทำให้น้อง ๆ ได้เห็นความแตกต่างระหว่างหลักสูตรทั้งสองชัดเจนขึ้น และสามารถตัดสินใจเลือกหลักสูตรได้ง่ายขึ้นไม่มากก็น้อย
สำหรับน้อง ๆ คนไหนที่สนใจไปเรียนต่อในหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยใน UK หรือหลักสูตรอื่น ๆ ก็สามารถลงทะเบียนติดต่อพี่ ๆ SI-UK เพื่อขอรับคำปรึกษา ฟรี! ได้ตั้งแต่วันนี้ค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ทำไมต้องเรียน วิศวกรรมการบินและการผลิต (Aeronautical & Manufacturing Engineering)
6 สาขายอดนิยมของหลักสูตรวิศกรรมศาสตร์ ในUK
ทำไมต้องไปเรียน Film ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ